คำพิพากษาศาลฏีกาที่ ๔๑๕๔/๒๕๕๔
ป.อ. ลักทรัพย์หรือรับของโจร
ความผิดฐานรับของโจรโดยรับซื้อหนังสือเก่าไว้นั้น สาระสำคัญของความผิดอยู่ที่จำเลยรู้หรือไม่ว่าหนังสือที่รับซื้อไว้เป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ โดยต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ของจำเลย สภาพของหนังสือและราคาซื้อขาย ประกอบกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบรายละเอียดของหนังสือแต่ละเล่มว่า มีขนาด ราคา หรือความเก่า หรือใหม่ แตกต่างกันเพื่อเปรียบเทียบว่าหนังสือแต่ละเล่มจำเลยรับซื้อในราคาต่ำกว่าราคาจริงเท่าใด จะนำราคาเฉลี่ยมาพิสูจน์การรับรู้เพื่อลงโทษจำเลยหาได้ไม่
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๓๘๓/๒๕๕๓
ป.อ. รับของโจร (มาตรา ๓๕๗)
ป.วิ.อ. บรรยายฟ้อง (มาตรา ๑๙๒)
สำเนารายงานประจําวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน ซึ่งระบุว่านาง ส. ไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจเอก พ. ว่านาย บ.ขับรถแท็กซี่ของกลางไปและยังไม่ได้นํามาคืนกับยังไม่ได้จ่ายค่าเช่า แสดงว่านาง ส. รับว่าได้มอบรถแท็กซี่ของกลางให้แก่นาย บ. เช่าขับ อันเป็นการมอบการครอบครองรถแท็กซี่ของกลางให้แก่นาย บ.เช่าขับ อันเป็นการมอบการครอบครองรถแท็กซี่ของกลางให้แก่นาย บ. มิใช่นาย บ.เอารถแท็กซี่ของกลางไปจากความครอบครองของนาง ส. โดยทุจริต พฤติการณ์ที่นาย บ. กับพวกไม่นํารถแท็กซี่ของกลางไปคืนนาง ส. และต่อมานาย ม. นํารถแท็กซี่ของกลางไปให้จําเลยที่ ๒ ซ่อมสีใหม่โดยเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อใช้เป็นรถยนต์บุคคลและเสนอขายเมื่อมีผู้สนใจขอซื้อ ถือได้ว่านาย บ. กับพวกมีเจตนาเบียดบังรถแท็กซี่ของกลางของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานยักยอก
รถยนต์แท็กซี่ของกลางก่อนนํามาซ่อมสี มีเครื่องหมายและชื่อสหกรณ์แท็กซี่ ร. ซึ่งเป็นชื่อของผู้เสียหายปรากฏอยู่ แสดงว่าเป็นรถแท็กซี่อยู่ในสังกัดของผู้เสียหาย และมิใช่รถแท็กซี่ส่วนบุคคล เมื่อมีบุคคลอื่นนํารถของกลางมาให้ซ่อมเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลและเสนอขาย เมื่อมีผู้สนใจจะซื้อ จําเลยมีอาชีพเกี่ยวข้องกับการซ่อมรถและซ่อมสีรถยนต์ ย่อมทราบดีว่ารถแท็กซี่ของกลางมีราคาประมาณเท่าใดและไม่อาจขายโดยไม่มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ เมื่อจําเลยขายรถของกลางต่ำกว่าราคาที่แท้จริง โดยไม่มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถย่อมเป็นการผิดวิสัยของบุคคลทั่วไป ฟังได้ว่าจำเลยรับไว้และช่วยจําหน่ายรถแท็กซี่ของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานยักยอก ความผิดฐานรับของโจร แม้ฟ้องโจทก์จะบรรยายเพียงว่า จําเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทําความผิดฐานลักทรัพย์ โดยมิได้บรรยายถึงความผิดฐานยักยอกด้วย แม้ข้อเท็จจริงได้ความจากทางพิจารณาว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทําความผิดฐานยักยอกแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ก็มิใช่ข้อสาระสําคัญ ทั้งจําเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ และไม่ถือว่าข้อพิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคําขอหรือเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๓๙๕/๒๕๓๔
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕๘ (๕)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วม เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๘ โดยรถยนต์กระบะดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ ย. ยักยอกจากโจทก์ร่วมโดยทุจริตเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๐ เป็นการฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วม ก่อนที่รถยนต์กระบะนั้นถูก ย. ยักยอกเอาไป การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร
คำชี้ขาดความเห็นแย้งฐานใช้เอกสารราชการปลอม รับของโจร
(ชี้ขาดความเห็นแย้งที่ ๑๕๑/๒๕๕๕)
ป.อ. ใช้เอกสารราชการปลอม รับของโจร (มาตรา ๒๖๕ , ๒๖๘ , ๓๕๗)
การที่ผู้ต้องหาที่ ๑ ได้ซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ต้องหาที่ ๒ ในราคาเพียง ๑๕๐,๐๐๐ บาท ทั้งที่รถยนต์ของกลางมีมูลค่าถึง ๕๕๗,๐๐๐ บาท และอยู่ในสภาพดีเพิ่งใช้งานมาประมาณ ๔ ปี โดยไม่มีการทำสัญญาซื้อขายรถ และผู้ต้องหาที่ ๒ ไม่ได้มอบคู่มือการจดทะเบียนรถรวมทั้งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องในการซื้อขายรถให้ผู้ต้องหาที่ ๑ ทั้งผู้ต้องหาที่ ๑ ก็ไม่ได้ตรวจสอบว่าหมายเลขทะเบียนที่แผ่นป้ายทะเบียนกับที่ป้ายแสดงการเสียภาษีรถประจำปีที่ติดอยู่ที่รถยนต์ของกลางมีหมายเลขตรงกันหรือไม่ จึงเป็นการผิดปกติวิสัยที่คนทั่วไปจะปฏิบัติกัน ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่า ผู้ต้องหาที่ ๑ ซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ต้องหาที่ ๒ โดยรู้อยู่แล้วว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถที่ถูกลักมา การกระทำของผู้ต้องหาที่ ๑ จึงมีความผิดฐานรับของโจร
ส่วนการที่ผู้ต้องหาที่ ๒ ขายรถของกลางให้ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยมีแผ่นป้ายทะเบียนของกลางซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมติดอยู่ที่รถนั้น พฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ ๒ เป็นผู้ทำปลอมแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวแล้วนำมาใช้โดยติดไว้ที่รถยนต์ของกลาง โดยวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นพยานเอกสารประกอบในการขายรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ต้องหาที่ ๑ การกระทำของผู้ต้องหาที่ ๒ จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมด้วย
การที่ผู้ต้องหาที่ ๑ ใช้รถยนต์ของกลางที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของกลางโดยมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าได้รู้อยู่แล้วว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นหลงเชื่อว่าแผ่นป้ายทะเบียนของกลางเป็นแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริงของกรมการขนส่งทางบก การกระทำของผู้ต้องหาที่ ๑ จึงมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำชี้ขาดความเห็นแย้งความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
(ชี้ขาดความเห็นแย้งที่ ๕๑๑/๒๕๕๓)
ป.อ. รับของโจร (มาตรา ๓๕๗)
แม้ขณะเกิดเหตุจะไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหาเป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ของกลางไป แต่เจ้าพนักงานจับผู้ต้องหาได้ขณะครอบครองรถจักรยานยนต์ของกลาง โดยผู้ต้องหาอ้างว่านาย ด. ได้ให้ผู้ต้องหายืมรถจักรยานยนต์เพื่อขับกลับบ้าน เมื่อพิเคราะห์ถึงรถจักรยานยนต์ของกลางมีราคาถึง ๖๓,๗๖๐ บาท และผู้ต้องหาไม่สามารถนำตัวนาย ด. มาให้การสนับสนุนข้อต่อสู้ของตน ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่า ผู้ต้องหามีเจตนาช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งรถจักรยานยนต์ของกลางโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
ป.อ. ลักทรัพย์หรือรับของโจร
ความผิดฐานรับของโจรโดยรับซื้อหนังสือเก่าไว้นั้น สาระสำคัญของความผิดอยู่ที่จำเลยรู้หรือไม่ว่าหนังสือที่รับซื้อไว้เป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ โดยต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ของจำเลย สภาพของหนังสือและราคาซื้อขาย ประกอบกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบรายละเอียดของหนังสือแต่ละเล่มว่า มีขนาด ราคา หรือความเก่า หรือใหม่ แตกต่างกันเพื่อเปรียบเทียบว่าหนังสือแต่ละเล่มจำเลยรับซื้อในราคาต่ำกว่าราคาจริงเท่าใด จะนำราคาเฉลี่ยมาพิสูจน์การรับรู้เพื่อลงโทษจำเลยหาได้ไม่
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๓๘๓/๒๕๕๓
ป.อ. รับของโจร (มาตรา ๓๕๗)
ป.วิ.อ. บรรยายฟ้อง (มาตรา ๑๙๒)
สำเนารายงานประจําวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน ซึ่งระบุว่านาง ส. ไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจเอก พ. ว่านาย บ.ขับรถแท็กซี่ของกลางไปและยังไม่ได้นํามาคืนกับยังไม่ได้จ่ายค่าเช่า แสดงว่านาง ส. รับว่าได้มอบรถแท็กซี่ของกลางให้แก่นาย บ. เช่าขับ อันเป็นการมอบการครอบครองรถแท็กซี่ของกลางให้แก่นาย บ.เช่าขับ อันเป็นการมอบการครอบครองรถแท็กซี่ของกลางให้แก่นาย บ. มิใช่นาย บ.เอารถแท็กซี่ของกลางไปจากความครอบครองของนาง ส. โดยทุจริต พฤติการณ์ที่นาย บ. กับพวกไม่นํารถแท็กซี่ของกลางไปคืนนาง ส. และต่อมานาย ม. นํารถแท็กซี่ของกลางไปให้จําเลยที่ ๒ ซ่อมสีใหม่โดยเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อใช้เป็นรถยนต์บุคคลและเสนอขายเมื่อมีผู้สนใจขอซื้อ ถือได้ว่านาย บ. กับพวกมีเจตนาเบียดบังรถแท็กซี่ของกลางของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานยักยอก
รถยนต์แท็กซี่ของกลางก่อนนํามาซ่อมสี มีเครื่องหมายและชื่อสหกรณ์แท็กซี่ ร. ซึ่งเป็นชื่อของผู้เสียหายปรากฏอยู่ แสดงว่าเป็นรถแท็กซี่อยู่ในสังกัดของผู้เสียหาย และมิใช่รถแท็กซี่ส่วนบุคคล เมื่อมีบุคคลอื่นนํารถของกลางมาให้ซ่อมเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลและเสนอขาย เมื่อมีผู้สนใจจะซื้อ จําเลยมีอาชีพเกี่ยวข้องกับการซ่อมรถและซ่อมสีรถยนต์ ย่อมทราบดีว่ารถแท็กซี่ของกลางมีราคาประมาณเท่าใดและไม่อาจขายโดยไม่มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ เมื่อจําเลยขายรถของกลางต่ำกว่าราคาที่แท้จริง โดยไม่มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถย่อมเป็นการผิดวิสัยของบุคคลทั่วไป ฟังได้ว่าจำเลยรับไว้และช่วยจําหน่ายรถแท็กซี่ของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานยักยอก ความผิดฐานรับของโจร แม้ฟ้องโจทก์จะบรรยายเพียงว่า จําเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทําความผิดฐานลักทรัพย์ โดยมิได้บรรยายถึงความผิดฐานยักยอกด้วย แม้ข้อเท็จจริงได้ความจากทางพิจารณาว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทําความผิดฐานยักยอกแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ก็มิใช่ข้อสาระสําคัญ ทั้งจําเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ และไม่ถือว่าข้อพิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคําขอหรือเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๓๙๕/๒๕๓๔
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕๘ (๕)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วม เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๘ โดยรถยนต์กระบะดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ ย. ยักยอกจากโจทก์ร่วมโดยทุจริตเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๐ เป็นการฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วม ก่อนที่รถยนต์กระบะนั้นถูก ย. ยักยอกเอาไป การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร
คำชี้ขาดความเห็นแย้งฐานใช้เอกสารราชการปลอม รับของโจร
(ชี้ขาดความเห็นแย้งที่ ๑๕๑/๒๕๕๕)
ป.อ. ใช้เอกสารราชการปลอม รับของโจร (มาตรา ๒๖๕ , ๒๖๘ , ๓๕๗)
การที่ผู้ต้องหาที่ ๑ ได้ซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ต้องหาที่ ๒ ในราคาเพียง ๑๕๐,๐๐๐ บาท ทั้งที่รถยนต์ของกลางมีมูลค่าถึง ๕๕๗,๐๐๐ บาท และอยู่ในสภาพดีเพิ่งใช้งานมาประมาณ ๔ ปี โดยไม่มีการทำสัญญาซื้อขายรถ และผู้ต้องหาที่ ๒ ไม่ได้มอบคู่มือการจดทะเบียนรถรวมทั้งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องในการซื้อขายรถให้ผู้ต้องหาที่ ๑ ทั้งผู้ต้องหาที่ ๑ ก็ไม่ได้ตรวจสอบว่าหมายเลขทะเบียนที่แผ่นป้ายทะเบียนกับที่ป้ายแสดงการเสียภาษีรถประจำปีที่ติดอยู่ที่รถยนต์ของกลางมีหมายเลขตรงกันหรือไม่ จึงเป็นการผิดปกติวิสัยที่คนทั่วไปจะปฏิบัติกัน ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่า ผู้ต้องหาที่ ๑ ซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ต้องหาที่ ๒ โดยรู้อยู่แล้วว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถที่ถูกลักมา การกระทำของผู้ต้องหาที่ ๑ จึงมีความผิดฐานรับของโจร
ส่วนการที่ผู้ต้องหาที่ ๒ ขายรถของกลางให้ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยมีแผ่นป้ายทะเบียนของกลางซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมติดอยู่ที่รถนั้น พฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ ๒ เป็นผู้ทำปลอมแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวแล้วนำมาใช้โดยติดไว้ที่รถยนต์ของกลาง โดยวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นพยานเอกสารประกอบในการขายรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ต้องหาที่ ๑ การกระทำของผู้ต้องหาที่ ๒ จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมด้วย
การที่ผู้ต้องหาที่ ๑ ใช้รถยนต์ของกลางที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของกลางโดยมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าได้รู้อยู่แล้วว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นหลงเชื่อว่าแผ่นป้ายทะเบียนของกลางเป็นแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริงของกรมการขนส่งทางบก การกระทำของผู้ต้องหาที่ ๑ จึงมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำชี้ขาดความเห็นแย้งความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
(ชี้ขาดความเห็นแย้งที่ ๕๑๑/๒๕๕๓)
ป.อ. รับของโจร (มาตรา ๓๕๗)
แม้ขณะเกิดเหตุจะไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหาเป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ของกลางไป แต่เจ้าพนักงานจับผู้ต้องหาได้ขณะครอบครองรถจักรยานยนต์ของกลาง โดยผู้ต้องหาอ้างว่านาย ด. ได้ให้ผู้ต้องหายืมรถจักรยานยนต์เพื่อขับกลับบ้าน เมื่อพิเคราะห์ถึงรถจักรยานยนต์ของกลางมีราคาถึง ๖๓,๗๖๐ บาท และผู้ต้องหาไม่สามารถนำตัวนาย ด. มาให้การสนับสนุนข้อต่อสู้ของตน ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่า ผู้ต้องหามีเจตนาช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งรถจักรยานยนต์ของกลางโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์