คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 4938/2554
ป.อ. บุกรุก ลักทรัพย์ พยายาม (มาตรา 335, 336 ทวิ, 362, 365)
การที่จําเลยที่ ๑ และที่ ๒ กับพวกนํารถบรรทุกของกลางเข้าไปจอดในบริเวณโรงงานที่เกิดเหตุซึ่งล้อมรั้วสังกะสีไว้ในยามวิกาล แล้วจําเลยที่ ๒ ใช้ไฟฉายส่องไปที่มอเตอร์ซึ่งติดตั้งอยู่บนโครงเหล็กเป็นการสํารวจทรัพย์ที่จะลักและเพื่อจะขนทรัพย์นั้นไปไว้บนรถบรรรทุกของกลาง แม้จำเลยที่ ๒ ยังไม่ได้แตะต้องตัวทรัพย์ แต่นับว่าใกล้ชิดพร้อมที่จะเอาทรัพย์ไปได้ในทันที การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกอยู่ในขั้นลงมือกระทําความผิดแล้ว เพียงแต่กระทําไปไม่ตลอด จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและพยายามลักทรัพย์
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 10381/2553
ป.อ. ชิงทรัพย์ พยายาม (มาตรา 339, 80, 83)
พฤติการณ์ที่จําเลยกับพวกจอดรถจักรยานยนต์ของกลางไว้บริเวณใกล้เคียงบ้านของผู้เสียหายแล้วพากันเดินไปที่สุ่มไก่ของผู้เสียหายซึ่งอยู่บริเวณบ้านที่อยู่อาศัยอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหายในยามวิกาล แสดงให้เห็นว่าจําเลยกับพวกมีเจตนาจะร่วมกันลักเอาไก่ของผู้เสียหายไป เป็นการลงมือกระทําความผิดแล้ว แต่การยึดถือเอาไก่ไปนั้นยังไม่บรรลุผลอยู่ในขั้นร่วมกันพยายามลักทรัพย์ เมื่อผู้เสียหายออกมาขัดขวางจึงเกิดการทําร้ายซึ่งกันและกัน
เมื่อจำเลยพยายามลักทรัพย์โดยใช้กําลังประทุษร้าย ชกต่อย และใช้แผ่นเหล็กตีทําร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดและพาทรัพย์นั้นไป จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
หาจําเป็นต้องถึงขั้นที่จําเลยกับพวกเปิดสุ่มไก่ จับไก่ หรืออุ้มไก่ จึงจะเป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ตามที่จําเลยฎีกาไม่ ทั้งการกระทําของจําเลยกับพวกดังกล่าวเป็นความผิดซึ่งหน้า ซึ่งผู้เสียหายกับพวกมีสิทธิจับกุมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 79 และ 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10854/2553
ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5), 208 (2), 225
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกเข้าไปในห้องของโรงแรมที่เกิดภัยพิบัติ เพื่อลักทรัพย์สินของโรงแรมและนักท่องเที่ยวที่เก็บรักษาไว้ในห้องพัก จำเลยทั้งสองลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะมีผู้พบเห็นและเข้าขัดขวาง ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายครบถ้วนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองพยายามลักเท่านั้น เพราะลักษณะของความผิดย่อมยังไม่อาจทราบได้ว่าเป็นทรัพย์อะไรมีมูลค่าเท่าใด
แต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันพยายามลักทรัพย์ของผู้อื่น ฟ้องโจทก์จึงระบุข้อเท็จจริงรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลและสิ่งของพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดีและต่อสู้คดีได้ หาจำต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่จำเลยทั้งสองพยายามลักดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2534
ป.อ. มาตรา 335 (1) , 335 (8) , 364, 365 (3)
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยเข้าทางช่องทางซึ่งทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (4) (8) การเข้าไปในเคหสถานโดยไม่ได้รับอนุญาตถือได้ว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั่นเอง ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานจึงเป็นความผิดที่รวมการกระทำผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อยู่ด้วยในตัว
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืน จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกในเวลากลางคืน ดังนั้น ศาลลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (3) ประกอบมาตรา 364 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
ป.อ. บุกรุก ลักทรัพย์ พยายาม (มาตรา 335, 336 ทวิ, 362, 365)
การที่จําเลยที่ ๑ และที่ ๒ กับพวกนํารถบรรทุกของกลางเข้าไปจอดในบริเวณโรงงานที่เกิดเหตุซึ่งล้อมรั้วสังกะสีไว้ในยามวิกาล แล้วจําเลยที่ ๒ ใช้ไฟฉายส่องไปที่มอเตอร์ซึ่งติดตั้งอยู่บนโครงเหล็กเป็นการสํารวจทรัพย์ที่จะลักและเพื่อจะขนทรัพย์นั้นไปไว้บนรถบรรรทุกของกลาง แม้จำเลยที่ ๒ ยังไม่ได้แตะต้องตัวทรัพย์ แต่นับว่าใกล้ชิดพร้อมที่จะเอาทรัพย์ไปได้ในทันที การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกอยู่ในขั้นลงมือกระทําความผิดแล้ว เพียงแต่กระทําไปไม่ตลอด จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและพยายามลักทรัพย์
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 10381/2553
ป.อ. ชิงทรัพย์ พยายาม (มาตรา 339, 80, 83)
พฤติการณ์ที่จําเลยกับพวกจอดรถจักรยานยนต์ของกลางไว้บริเวณใกล้เคียงบ้านของผู้เสียหายแล้วพากันเดินไปที่สุ่มไก่ของผู้เสียหายซึ่งอยู่บริเวณบ้านที่อยู่อาศัยอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหายในยามวิกาล แสดงให้เห็นว่าจําเลยกับพวกมีเจตนาจะร่วมกันลักเอาไก่ของผู้เสียหายไป เป็นการลงมือกระทําความผิดแล้ว แต่การยึดถือเอาไก่ไปนั้นยังไม่บรรลุผลอยู่ในขั้นร่วมกันพยายามลักทรัพย์ เมื่อผู้เสียหายออกมาขัดขวางจึงเกิดการทําร้ายซึ่งกันและกัน
เมื่อจำเลยพยายามลักทรัพย์โดยใช้กําลังประทุษร้าย ชกต่อย และใช้แผ่นเหล็กตีทําร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดและพาทรัพย์นั้นไป จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
หาจําเป็นต้องถึงขั้นที่จําเลยกับพวกเปิดสุ่มไก่ จับไก่ หรืออุ้มไก่ จึงจะเป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ตามที่จําเลยฎีกาไม่ ทั้งการกระทําของจําเลยกับพวกดังกล่าวเป็นความผิดซึ่งหน้า ซึ่งผู้เสียหายกับพวกมีสิทธิจับกุมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 79 และ 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10854/2553
ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5), 208 (2), 225
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกเข้าไปในห้องของโรงแรมที่เกิดภัยพิบัติ เพื่อลักทรัพย์สินของโรงแรมและนักท่องเที่ยวที่เก็บรักษาไว้ในห้องพัก จำเลยทั้งสองลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะมีผู้พบเห็นและเข้าขัดขวาง ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายครบถ้วนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองพยายามลักเท่านั้น เพราะลักษณะของความผิดย่อมยังไม่อาจทราบได้ว่าเป็นทรัพย์อะไรมีมูลค่าเท่าใด
แต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันพยายามลักทรัพย์ของผู้อื่น ฟ้องโจทก์จึงระบุข้อเท็จจริงรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลและสิ่งของพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดีและต่อสู้คดีได้ หาจำต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่จำเลยทั้งสองพยายามลักดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2534
ป.อ. มาตรา 335 (1) , 335 (8) , 364, 365 (3)
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยเข้าทางช่องทางซึ่งทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (4) (8) การเข้าไปในเคหสถานโดยไม่ได้รับอนุญาตถือได้ว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั่นเอง ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานจึงเป็นความผิดที่รวมการกระทำผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อยู่ด้วยในตัว
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืน จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกในเวลากลางคืน ดังนั้น ศาลลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (3) ประกอบมาตรา 364 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย