วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สามีร่วมกับผู้อื่นลักทรัพย์ภริยาในเหตุฉกรรจ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3756 - 3757/2550
ป.อ. มาตรา 71 วรรคแรก, 335 (7), 336 ทวิ
              คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่า โจทก์  เรียกนางพัชรี โจทก์ร่วมทั้งสองสำนวนว่า โจทก์ร่วม  เรียกจำเลยในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1  และเรียกจำเลยในสำนวนหลังว่า  จำเลยที่ 2
              โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335, 336 ทวิ และให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 36,300 บาท แก่ผู้เสียหาย
             จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
             ระหว่างพิจารณานางพัชรี ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นอนุญาต
             ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) วรรคแรก มาตรา 336 ทวิ
             โจทก์ร่วมทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
             ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นสามีของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหาย จึงไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71 วรรคแรก ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
             โจทก์ร่วมทั้งสองสำนวนฎีกา
              ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายตั้งแต่ปี 2520 และขณะจำเลยที่ 1 กระทำความผิดยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากัน คดีนี้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ซึ่งเป็นความผิดที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71 วรรคแรก ที่บัญญัติว่าความผิดดังกล่าวถ้าเป็นการกระทำที่สามีกระทำต่อภริยาผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีของโจทก์ร่วมจึงไม่ต้องรับโทษในความผิดดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะระบุว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ มาด้วย แต่ตามมาตรา 336 ทวิ เป็นบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดอาญา มาตรา 335 ต้องระวางโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง หาใช่เป็นความผิดอีกบทหนึ่งต่างหากจากบทมาตราดังกล่าวไม่
            การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71 วรรคแรก แล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับโทษในความผิดดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น

ประมวลกฎหมายอาญา
            "มาตรา 71  ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 334 ถึงมาตรา 336 วรรคแรก และมาตรา 341 ถึงมาตรา 364 นั้น ถ้าเป็นการกระทำที่สามีกระทำต่อภริยา หรือภริยากระทำต่อสามี ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ
              ความผิดดังระบุมานี้ ถ้าเป็นการกระทำ ที่ผู้บุพการีกระทำ ต่อผู้สืบสันดาน ผู้สืบสันดานกระทำต่อผู้บุพการี หรือพี่หรือน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกระทำต่อกัน แม้กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ และนอกจากนั้นศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้"
            "มาตรา 335  ผู้ใดลักทรัพย์
                  (1) ...
                  (7) โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป
             ....    "
            "มาตรา 336 ทวิ  ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 334 มาตรา 335 มาตรา 335 ทวิ หรือมาตรา 336 โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจหรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง"

ข้อพิจารณา.-
            -  สามีภริยาต้องจดทะเบียนสมรสกันและไม่ได้จดทะเบียนหย่าแม้ว่าจะแยกกันอยู่ก็ตาม จึงจะเข้าหลักเกณฑ์ที่ไม่ต้องรับโทษ
            -  ผู้ที่ร่วมกระทำผิดซึ่งเป็นบุคคลอื่นต้องรับโทษนั้นโดยไม่ได้รับการยกเว้นโทษ แม้ว่าสามีหรือภริยาที่เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดนั้นไม่ต้องรับโทษก็ตาม
            -  แม้ว่ามาตรา 71 วรรคแรก ไม่ได้บัญญัติมาตรา 336 ทวิ เอาไว้ด้วยก็ตาม แต่ถ้าหากเป็นกรณีกระทำความผิดตามมาตรา 336 ทวิ ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 335 (7) นั้นกึ่งหนึ่ง กฎหมายถือว่ามาตรา 336 ทวิ เป็นเพียงบทเพิ่มโทษมาตรา 335 หาใช่ความผิดอีกบทหนึ่งแยกต่างหากจากกัน ผู้กระทำความผิดจึงไม่ต้องรับโทษด้วยเหตุความเป็นสามีภริยากันตามมาตรา 71 วรรคแรก
            -  มาตรา 71 วรรคแรก บัญญัติให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ แต่ไม่ได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ดั่งเช่นวรรคสอง ดังนั้น สามีหรือภริยาที่เป็นผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจขอถอนคำร้องทุกข์