คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11225/2555
ป.อ. ตัวการ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในเคหสถาน โดยร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะ (มาตรา 83, 335 (1) (7) (8) วรรคสอง, 336 ทวิ)
จำเลยทั้งสามเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อทวงหนี้เงินกู้ยืมจากผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ชำระ จำเลยทั้งสามจะบังคับตามสัญญากู้ยืมเงินที่มีข้อความว่า หากผู้เสียหายผิดนัด ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ยึดทรัพย์สินของผู้เสียหาย ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสามไปพูดคุยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน และยื่นข้อเสนอขอผ่อนชำระเงินส่วนที่ค้าง แต่จำเลยทั้งสามไม่ยินยอมและกลับมาที่บ้านผู้เสียหาย แล้วร่วมกันบุกรุกเข้าไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะบรรทุกทรัพย์ดังกล่าวไป เพื่อให้ผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้เงินกู้ยืมที่ค้างชำระจำเลยที่ 1 โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม หลังจากที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนได้เรียกจำเลยทั้งสามมาพบ จำเลยทั้งสามมาพบและนำทรัพย์สินของกลางมาคืนให้แก่ผู้เสียหาย
การกระทำของจำเลยทั้งสามดังกล่าว เป็นการบังคับให้ผู้เสียหายชำระหนี้โดยพลการซึ่งไม่มีอำนาจจะกระทำได้ตามกฎหมาย ถือเป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริตแล้ว จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ สำหรับรถยนต์กระบะของกลางที่เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์นั้น เห็นว่า พฤติการณ์แห่งความผิดของจำเลยทั้งสามไม่ร้ายแรงมากนัก โทษจำคุกและโทษปรับที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 กำหนดแก่จำเลยทั้งสามนั้นเชื่อว่าจะทำให้จำเลยทั้งสามหลาบจำไม่กระทำความผิดอีกแล้ว จึงเห็นสมควรไม่กำหนดโทษริบทรัพย์สินอีก
ป.อ. ตัวการ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในเคหสถาน โดยร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะ (มาตรา 83, 335 (1) (7) (8) วรรคสอง, 336 ทวิ)
จำเลยทั้งสามเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อทวงหนี้เงินกู้ยืมจากผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ชำระ จำเลยทั้งสามจะบังคับตามสัญญากู้ยืมเงินที่มีข้อความว่า หากผู้เสียหายผิดนัด ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ยึดทรัพย์สินของผู้เสียหาย ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสามไปพูดคุยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน และยื่นข้อเสนอขอผ่อนชำระเงินส่วนที่ค้าง แต่จำเลยทั้งสามไม่ยินยอมและกลับมาที่บ้านผู้เสียหาย แล้วร่วมกันบุกรุกเข้าไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะบรรทุกทรัพย์ดังกล่าวไป เพื่อให้ผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้เงินกู้ยืมที่ค้างชำระจำเลยที่ 1 โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม หลังจากที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนได้เรียกจำเลยทั้งสามมาพบ จำเลยทั้งสามมาพบและนำทรัพย์สินของกลางมาคืนให้แก่ผู้เสียหาย
การกระทำของจำเลยทั้งสามดังกล่าว เป็นการบังคับให้ผู้เสียหายชำระหนี้โดยพลการซึ่งไม่มีอำนาจจะกระทำได้ตามกฎหมาย ถือเป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริตแล้ว จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ สำหรับรถยนต์กระบะของกลางที่เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์นั้น เห็นว่า พฤติการณ์แห่งความผิดของจำเลยทั้งสามไม่ร้ายแรงมากนัก โทษจำคุกและโทษปรับที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 กำหนดแก่จำเลยทั้งสามนั้นเชื่อว่าจะทำให้จำเลยทั้งสามหลาบจำไม่กระทำความผิดอีกแล้ว จึงเห็นสมควรไม่กำหนดโทษริบทรัพย์สินอีก