วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275-3276/2554
พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528  มาตรา 30 วรรคหนึ่ง, 82, 91 ตรี
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 341, 343 วรรคหนึ่ง

               การกระทำความผิดฐานจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาจัดหางานตามมาตรา 4 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528
               คดีนี้แม้ฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนในข้อ (ก.) บรรยายว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้คนหางานที่ประสงค์เพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้จัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลางตามกฎหมาย แต่ฟ้องของโจทก์ข้อ (ข.) ที่ว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบสองและประชาชนทั่วไป ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจำเลยทั้งสี่เป็นผู้ดำเนินการจัดหางานให้คนหางานไปทำงานยังต่างประเทศและสามารถหางานในประเทศมาเลเซียให้ประชาชนทั่วไป รวมทั้งผู้เสียหายทั้งสิบสองไปทำงานรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างได้ โดยจะได้รับค่าจ้างวันละ 40 ถึง 45 ดอลลาร์มาเลเซีย มีสวัสดิการดี ถ้าประสงค์จะไปทำงานให้สมัครงานและเสียค่าใช้จ่ายคนละ 40,000 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสี่
               ความจริงแล้วจำเลยทั้งสี่ไม่สามารถจัดหางานในประเทศมาเลเซียให้แก่ประชาชนทั่วไปรวมทั้งผู้เสียหายทั้งสิบสองโดยชอบและถูกต้องได้นั้น เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงอยู่ในตัวว่าจำเลยทั้งสี่ไม่มีเจตนาจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายทั้งสิบสอง คงมีเจตนาหลอกลวงเพื่อจะได้รับเงินจากผู้เสียหายทั้งสิบสองเท่านั้น
               การกระทำของจำเลยทั้งสี่ตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 82 แม้จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานนี้ได้
              การที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหลอกลวงประชาชนทั่วไปกับโจทก์ร่วมทั้งสี่และผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 9 ซึ่งเป็นคนหางานว่าจำเลยทั้งสี่สามารถหางานในต่างประเทศให้ได้ จนเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมทั้งสี่และผู้เสียหายดังกล่าวหลงเชื่อมอบเงินให้จำเลยทั้งสี่ไป โดยที่ความจริงแล้วจำเลยทั้งสี่ไม่สามารถส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศตามที่กล่าวอ้างได้นั้น ลักษณะของความผิดเป็นการหลอกลวงคนหมู่มาก โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น ทำให้ได้รับความเดือนร้อนและทุกข์ยาก ซึ่งเป็นการกระทำซ้ำเติมต่อประชาชนผู้ซึ่งยากไร้และด้อยโอกาสในสังคม พฤติการณ์ในการกระทำความผิดจึงเป็นภัยต่อสังคมและเป็นเรื่องร้ายแรง
               การที่จำเลยทั้งสี่ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสี่และผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 9 อันเป็นการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดที่กระทำ ก็เป็นเพียงเหตุบรรเทาโทษซึ่งศาลล่างทั้งสองก็ลงโทษเป็นคุณแก่จำเลยทั้งสี่ด้วยการลงโทษในระวางโทษขั้นตํ่าและลดโทษในอัตราสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดให้แล้ว ทั้งพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของจำเลยทั้งสี่ก็ไม่ปรากฏเหตุอื่นถึงขนาดที่จะยกมาเป็นเหตุอันควรปรานีที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสี่